Hamster
สายพันธุ์ของแฮมสเตอร์
-แฮมสเตอร์พันธุ์ยุโรป (European Hamster)เป็นพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาแฮมสเตอร์ทั้งหมด คือมีขนาดเกือบเท่ากระต่าย แต่ไม่เป็นที่นิยมเลี้ยงกันเพราะว่ามีนิสัยค่อนข้างดุ และไม่สามารถเลี้ยงให้เชื่องได้ แม้จะลองนำมาเลี้ยงในสวนสัตว์แล้วก็ตาม
-แฮมสเตอร์พันธุ์ซีเรีย (Syrian Hamster) เป็นพันธุ์ขนาดกลางเมื่อโตเต็มที่แล้วขนาดจะอยู่ที่ราว 15 ซม. เท่านั้น พันธุ์ซีเรียนี้มีทั้งแบบขนสั้น ขนยาว และหลากหลายสีสัน พันธุ์ซีเรียสามารถเลี้ยงให้เชื่องได้หากเราให้ความเอาใจใส่เป็นพิเศษ เมื่อเรานำเขามาเลี้ยง
-แฮมเตอร์พันธุ์แคระ (Dwarf Hamster)เป็นพันธุ์ที่มีขนาดเล็กที่สุด แล้วก็แคระ สมชื่อด้วยความยาวขณะโตเต็มที่แล้วเพียง 7 ซม. เท่านั้น แฮมสเตอร์แคระสามารถแบ่งแยกย่อยได้อีก 3 ชนิดดังนี้
- พันธุ์ไชนีสแคระ (Dwarf Chinese Hamster)ลักษณะหัวและลำตัวค่อนข้างยาว และเพรียวกว่าแฮมสเตอร์แคระพันธุ์อื่นๆ ส่วนลักษณะของเท้าก็เป็นแบบเดียวกันกับแฮมสเตอร์พันธุ์ซีเรีย คือไม่ค่อยมีขนปกคลุม แต่จะมีหางที่ยาวกว่าพันธุ์ซีเรียอยู่เล็กน้อย มีสีตามธรรมชาติเพียง 2 สีเท่านั้น
-แฮมสเตอร์พันธุ์ยุโรป (European Hamster)เป็นพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาแฮมสเตอร์ทั้งหมด คือมีขนาดเกือบเท่ากระต่าย แต่ไม่เป็นที่นิยมเลี้ยงกันเพราะว่ามีนิสัยค่อนข้างดุ และไม่สามารถเลี้ยงให้เชื่องได้ แม้จะลองนำมาเลี้ยงในสวนสัตว์แล้วก็ตาม
-แฮมสเตอร์พันธุ์ซีเรีย (Syrian Hamster) เป็นพันธุ์ขนาดกลางเมื่อโตเต็มที่แล้วขนาดจะอยู่ที่ราว 15 ซม. เท่านั้น พันธุ์ซีเรียนี้มีทั้งแบบขนสั้น ขนยาว และหลากหลายสีสัน พันธุ์ซีเรียสามารถเลี้ยงให้เชื่องได้หากเราให้ความเอาใจใส่เป็นพิเศษ เมื่อเรานำเขามาเลี้ยง
-แฮมเตอร์พันธุ์แคระ (Dwarf Hamster)เป็นพันธุ์ที่มีขนาดเล็กที่สุด แล้วก็แคระ สมชื่อด้วยความยาวขณะโตเต็มที่แล้วเพียง 7 ซม. เท่านั้น แฮมสเตอร์แคระสามารถแบ่งแยกย่อยได้อีก 3 ชนิดดังนี้
- พันธุ์ไชนีสแคระ (Dwarf Chinese Hamster)ลักษณะหัวและลำตัวค่อนข้างยาว และเพรียวกว่าแฮมสเตอร์แคระพันธุ์อื่นๆ ส่วนลักษณะของเท้าก็เป็นแบบเดียวกันกับแฮมสเตอร์พันธุ์ซีเรีย คือไม่ค่อยมีขนปกคลุม แต่จะมีหางที่ยาวกว่าพันธุ์ซีเรียอยู่เล็กน้อย มีสีตามธรรมชาติเพียง 2 สีเท่านั้น
- พันธุ์แคมเบล รัสเซียน แคระ (Dwarf Campbell's Russian Hamster)
- พันธุ์วินเทอร์ ไวท์ รัสเซียน แคระ (Dwarf Winter White Russian Hamster)
-พันธุ์โรโบรอฟสกี้ (Dwarf Roborovski)
สิ่งจำเป็นพื้นฐานในการเลี้ยงแฮมสเตอร์แคระ
-กรง (Cage)
-อาหาร (Nutritious food)-ขี้กบ (Wood Shave)
แฮมสเตอร์เป็นสัตว์ที่กินง่ายเพราะกินอาหารได้หลายอย่าง อาหารสำหรับเลี้ยงแฮมสเตอร์ ได้แก่อาหารแห้ง อาหารสด และขนมขบเคี้ยวต่างๆ อาหารแห้งหมายถึงอาหารเม็ดสำเร็จรูป เมล็ดพืชต่างๆ รวมถึงผลไม้อบแห้ง ซึ่งหาซื้อได้งายสะดวกตามร้านขายสัตว์เลี้ยงทั่วไป ส่วนการให้อาหารสดควรคำนึงถึงความสะอาดและความสดของผักผลไม้ด้วยและควรให้ในปริมาณเพียงเล็กน้อยในแต่ละครั้ง มิฉะนั้นจะทำให้เศษอาหารเหลือเน่าเสียเป็นผลเสียต่อสุขภาพของแฮมสเตอร์ได้ ดังนั้นควรเก็บอาหารสดที่แฮมสเตอร์กินเหลือออกจากกรงทุกครั้ง
-ขี้กบ (Wood Shave)
การใส่ขี้กบไว้ที่พื้นกรงจะช่วยให้แฮมสเตอร์ได้สนุกกับการขุด และมุดไปมาได้ นอกจากนั้นขี้กบยังมีคุณสมบัติซับความชื้นและซับกลิ่นที่มาจกการขับถ่ายของเสียได้ดีอีกด้วย แฮมสเตอร์เป็นสัตว์ที่รักสะอาดเขาจะรู้สึกสบายตัวเมื่อได้อยู่ในกรงที่สะอาด หรือเปลี่ยนขี้กบให้ใหม่อย่างสม่ำเสมอ แต่การเปลี่ยนขี้กบไม่ควรเปลี่ยนทั้งหมด ควรเหลือขี้กบเก่าและมุมส่วนที่แฮมสเตอร์ใช้สะสมอาหารไว้บ้างเล็กน้อย จะทำให้เขาไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงมากนัก
-หลอดน้ำ (A Water bottle )
-วงหมุนสำหรับออกกำลังกาย (Exercise wheel)
แฮมสเตอร์แคระต้องการการออกกำลังกายค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในตอนเย็นถึงตกกลางคืน แฮมสเตอร์สามารถวิ่งได้เป็นระยะทางไกลทีเดียว ฉะนั้นการใส่วงหมุนไว้ภายในกรงจะช่วยให้เขามีโอกาสได้วิ่งออกกำลังเป็นระยะอย่าสม่ำเสมอ ซึ่งจะทำให้เขาแข็งแรงและไม่เซื่องซึม และวงหมุนยังเป็นของเล่นชิ้นโปรดที่สุดของแฮมสเตอร์อีกด้วย
-ที่นอนหรือที่หลบซ่อน (A nest box or hiding place)
พื้นที่ (Space)
แฮมสเตอร์เป็นสัตว์ที่ไม่ต้องการพื้นที่มากมายถ้าเทียบกับสัตว์เลี้ยงประเภทอื่นๆ ขึ้นอยู่กับจำนวนตัวที่คุณเลี้ยง แม้ว่าแฮมสเตอร์จะตัวเล็ก เขาต้องการเนื้อที่สำหรับวิ่งเล่นออกกำลังกายและทำกิจกรรมอย่างเพียงพอ ถ้าเลี้ยงแฮมสเตอร์ไว้ในกรงเดียวกันหลายๆตัวยิ่งต้องเพิ่มเนื้อที่ของกรงให้มีขนาดกว้างขึ้น เพื่อลดความแออัดตรึงเครียด และที่สำคัญต้องมีที่หลบซ่อนไว้ด้วยเสมอ เพราะการเลี้ยงแฮมสเตอร์หลายๆตัวอาจมีการทะเลาะวิวาทกันบ่อยกว่าการเลี้ยงเพียงไม่กี่ตัว ดังนั้นการมีที่หลบซ่อนสำหรับแฮมสเตอร์ที่อ่อนแอกว่าสามารถซ่อนตัวจากตัวที่เกเรได้อย่างปลอดภัย
อุณหภูมิ (Temperature)
แฮมสเตอร์นั้นมีถิ่นกำเนิดในเมืองหนาวแฮมสเตอร์จึงค่อนข้างไม่ชอบอากาศร้อนจัด ดังนั้นจึงไม่ควรวางกรงในที่ๆแดดส่องถึงหรือใกล้เครื่องไฟฟ้าที่มีความร้อน การขยายพันธุ์
อายุที่เหมาะสมแก่การผสมพันธุ์
อายุที่เหมาะสมแก่การผสมพันธุ์ของแฮมสเตอร์คือประมาณ 3 เดือนขึ้นไป การจับคู่ก็ไม่มีอะไรยุ่งยาก เพียงแต่นำพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ใส่ไว้ในกรงเพาะพันธุ์ หลังจากนั้นก็สังเกตว่าตัวเมียท้องหรือไม่โดยสังเกตจากท้องที่ขยายออก และถ้าใกล้คลอดแล้วอาจจะสังเกตเห็นหัวนมได้ถ้าเป็นไปได้ควรแยกแม่พันธุ์ทื่ท้องไว้ต่างหาก
การดูแลลูกหนู
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น